ปัญหาแทรกซ้อนที่เกิดจากการผ่าตัดดึงหน้าและวิธีหลีกเลี่ยง

ศัลยกรรมดึงหน้า
ความงาม

ปัญหาแทรกซ้อนที่เกิดจากการผ่าตัดดึงหน้าและวิธีหลีกเลี่ยง

ปัญหาแทรกซ้อนที่เกิดจากการผ่าตัดดึงหน้า

วันนี้ก็มาคุยกับเพื่อนๆในเรื่องของปัญหาแทรกซ้อนจากการผ่าตัดดึงหน้า ว่ามันมีอะไรบ้างและวิธีหลีกเลี่ยงที่เราจะทำได้หรือให้เกิดน้อยที่สุดทำยังไงบ้าง

เลือดออกการผ่าตัดดึงหน้า เองเนี่ยทุกอย่างย่อมจะต้องมีจุดเลือดออกแต่ว่าถ้าเราทำเเบบรู้กายภาพรู้เครนแล้วก็รอให้เป็นฉีดยาชาให้เป็นเนี่ยกันที่จะมีเลือดออกก็น้อยรวมทั้งรู้ว่าเส้นเลือดอะไรมันอยู่ตรงไหน รายละเอียดแล้วก็ประสบการณ์ต่างๆจุดไหนมีหรือไม่มีโอกาสที่จะเกิดเลือดออก แล้วก็ต้องรู้แล้วก็จะได้หยุดเลือดได้ทุกตำแหน่งแล้วก็ปกติในบริเวณที่ผ่าตัด ดึงหน้า ก่อนที่จะเย็บปิดเนี่ยคุณหมอจะต้องให้มันแห้งสนิทจริงๆ ก่อนที่จะเย็บปิดแผลไม่งั้นเราก็จะยังไม่เย็บแผล ถ้ายังมีเลือดซึมออกอยู่เรื่อยๆทำปิดแผลไม่ได้ รวมทั้งอาจจะมีการวางสายระบายเลือดไว้ในรายที่ผ่าบริเวณค่อนข้างกว้างเช่นแอนเจอเฟซลิฟต์ที่ลงมาต้องถึงหน้าและลำคอเป็นต้นไป

รวมทั้งการปิดพันแผลที่ดีเนี่ยก็มีส่วนสำคัญด้วยเพราะฉะนั้นต้องปิดแผลให้ดีสนิทแล้วก็ไม่รวมหรือไม่แน่นจนเกินไปที่คนไข้จะอึดอัดแล้วก็หายใจลำบากอันนี้สำคัญ เพราะฉะนั้นความเชี่ยวชาญตรงนี้ก็มีส่วนสำคัญมากๆ เพราะว่าถ้าเลือดออกแล้วเกิดเป็นก้อนเลือดหรือว่ามีอาจมีอันตรายได้ โดยเฉพาะอาจจะเลือดออกจนกระทั่งแบบผอมมากเหลือเกินการหายใจไม่ได้อย่างงั้นก็เป็นอันตรายได้ถึงชีวิตเหมือนกันอันนี้สำคัญ

การติดเชื้อ เออพวกนี้เนี่ยจะต้องมีสเตอร์ไลท์เทคนิคที่ดีทั้งในการเตรียมคนไข้รวมต้องรวมถึงต้องมีสถานที่ที่ต้องสะอาดระดับปลอดเชื้อจริงเป็นห้องผ่าตัดจริงที่สร้างมาเพื่อเป็นห้องผ่าตัดไม่ใช่เอาอะไรมาทำผ่าตัดก็ได้อย่างงั้นไม่ได้ รวมทั้งของที่ใช้ผ้าที่ปูเครื่องมือตัวแพทย์เองพยาบาลและทุกจุดต้องปลอดภัยจริงเพราะฉะนั้นจะต้องเลือกสถานที่เลือกแพทย์ที่ได้มาตรฐานสูงพอควรเอ่อรวมทั้งแพทย์เองหรือตัวหมอเองก็มักจะให้ยาฆ่าเชื้อยาปฏิชีวนะในหลักทรัพย์ ที่ป้องกันการติดเชื้อเนี่ยทั้งก่อนและหลังผ่าตัดโดยเฉพาะส่วนใหญ่เนี่ยถ้าอยู่ยังอยู่ในสถานที่ผ่าตัด ดึงหน้า โรงพยาบาลเอเซีย หรือคลินิกเนี่ยหมอมักจะให้ทั้งเส้นไว้แล้วก็พอกลับบ้านก็จะให้ยารับประทานต่อเนื่องอย่างน้อยก็ประมาณว่า 1-2 สัปดาห์ส่วนคนไข้เองก็จะต้องมีการดูแลที่ดีด้วยเหมือนกันมักจะแนะนำให้ไม่ควรโดนน้ำในช่วงแรกโดยเฉพาะช่วงสัปดาห์แรก เช็ดให้สะอาดและแห้งเสมอด้วยน้ำเกลือสำหรับเช็ดแผลเป็นน้ำเกลือสำหรับเช็ดแผล แล้วก็อาจจะทาหรือไม่ทายาขี้ผึ้งที่เป็นยาฆ่าเชื้อร่วมด้วยก็ได้บางทีคุณหมออาจจะไม่ได้แนะนำให้คนไข้ถ้าทุกคนเพราะว่าท่าทางไม่ถูกแล้วมันจะกลายเป็นตะกรันหรือว่าเป็นหน้าที่เกิดสะเก็ดแล้วกลายเป็นว่ามันมันเพราะว่ามอยส์หรือว่ามันแฉะเกินไปสำหรับแผลอาจจะเพื่อให้ง่ายที่สุดก็เช็ดแผลด้วยน้ำเกลือและทำให้แห้งอยู่เสมอเท่านั้นเองรวมทั้งคนไข้เองก็ไม่เดินทางไปในที่ที่มีฝุ่นเยอะคนเยอะในที่ร้อนที่มีเหงื่อมากๆ หรือในที่ที่สกปรกอาจจะแบบอาจจะเดินไปเก็บขยะหรือทำงานบ้านเนี่ยอาจจะต้องหลีกเลี่ยงสักนิดนึงหรือคนไข้อาจมีการเลี้ยงสัตว์ที่ต้องไปเออคลุกคลีกับเขาหรือว่าอะไรเงี้ยอาจจะต้องหลีกเลี่ยงให้คนอื่นทำแทนในช่วงแรกก็ไม่ได้เข้าไปในสวนพวกนี้ก็จะได้ลดโอกาสการติดเชื้อ

อาการชาเนี่ยหลังผ่า ดึงหน้า มักจะมีอาการชาได้บริเวณที่มีการผ่าตัดหรือการเลาะเนื้อเยื่อ เพราะฉะนั้นเอ่อ แต่ว่ามันก็จะดีขึ้นเรื่อยๆตามการหายของแผลเมื่อผิวหนังหายแล้วเริ่มติดกับเนื้อเยื่อด้านล่างเหมือนเดิมเหมือนปกติเนี่ยการหายก็หายช้าก็จะดีขึ้นเรื่อยๆบริเวณบริเวณที่มันหายช้าสุดก็มักจะเป็นบริเวณหลังหู ซึ่งอาจจะใช้เวลา สอง ถึง 3 เดือนขึ้นไปอาจมีบางจุดเล็กๆที่มันนานมากกว่านี้แต่ว่าถ้าไม่ได้โดนเส้นประสาทใหญ่หรือเส้นประสาทหลักจริงๆซึ่งถ้าการเลาะถูกเพลงเนี่ยก็มักจะไม่โดนก็มักจะหายกลับมาได้เป็นปกติอาจมีในบางรายจริงๆที่มันแบบ เออมีบางจุดเล็กๆเท่านั้นเองที่อาจจะเป็นจุดถามว่าจะเป็นแบบจุดแบบเป็นจุด อย่างเช่นครึ่งเส้นบางๆ หนึ่ง เส้นบางๆอะไรบริเวณหลังหูประมาณนั้นแต่ส่วนใหญ่มักจะหายเป็นปกติจะใช้เวลาหน่อย

อันตรายต่อเส้นประสาทใบหน้าหรือเซลล์ประสาทมอเตอร์ที่มาเลี้ยงกล้ามเนื้อหน้าอันนี้สำคัญแพทย์เองจะต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่คุ้นชินและรู้ตำแหน่งของเส้นประสาทแขนงต่างๆที่บริเวณเลี้ยงบริเวณกล้ามเนื้อใบหน้าซึ่งเป็นเส้นประสาทคู่สมองคู่ที่ 7 เอ่อแต่ว่ามันก็จะมีแขนงต่างๆที่มันเลี้ยงส่วนต่างๆถ้ามีการถูกตัดขาดจากการผ่าตัดหรือว่าอะไรอย่างเงี้ยก็จะเกิดกล้ามเนื้อส่วนนั้นอ่อนแรงไปหรือว่าไม่ทำงานได้ ก็อาจจะเกิดหน้าเบี้ยวขึ้นได้อ่าแต่อาจจะมีในบางรายที่มีการอาจจะอ่อนแรงไปบ้างมากกว่าแรงปกติอันอาจบางทีอาจจะเกิดจากความบวมหรือความผิดความบวมช้ำอะไรที่มันเป็นมีน้ำหนักกดทับอยู่เอ่อเป็นเส้นประสาทช้ำอันนั้นอาจจะกลับมาได้ปกติแต่อาจจะใช้เวลาหน่อยอ่าแต่เป็น สอง 3 เดือนขึ้นไปหรือ 3 ถึง 6 เดือนขึ้นไปตามระยะเวลาแต่มักจะไม่มีการที่แบบ อ่อนแรงไปแบบชัดเจนเลยอาจจะแค่แบบเหมือนเหมือนยังยิ้มได้ไม่เท่ากันทั้ง สอง ข้างแต่ว่ามีการยิ้มได้แต่ว่ามันจะแค่ระดับแค่ 10 20% อย่างงั้นเป็นต้น ในบางรายอาจจะเกิดขึ้นได้จากความบวมช้ำอย่างนี้เป็นต้น

Back To Top